ช่องบนโต๊ะบาคาร่ามีความหมายอย่างไร 

ช่องบนโต๊ะบาคาร่านั้นส่วนหลักๆทั้งหมด 8 ส่วนที่จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะเลือกเดิมพันเงินของคุณในฝั่งไหนระหว่างผู้เล่นหรือเจ้ามือรวมถึงมีช่องที่บ่งบอกถึงวิธีการแทงแบบพิเศษอีกด้วย ดังนี้ 

1. เพลย์เยอร์ – ผู้เล่นมีแต้มมากว่าเจ้ามือ 
2. เสมอ – ทั้งสองฝ่ายได้แต้มเท่ากัน 
3. ลัคกี้ซิกซ์ – ทายว่าเจ้ามือชนะด้วย 6 แต้ม = จ่าย 12 เท่า สำหรับ 2 ใบ และ 20 เท่าสำหรับไพ่สามใบ 
4. แบงเกอร์ – เจ้ามือมีแต้มมากกว่าผู้เล่น 
5. เพลย์เยอร์คู่ – ผู้เล่นได้ไพ่หน้าเหมือนกันใน 2 ใบแรก 
6. เพลย์เยอร์ไพ่ป๊อก – ผู้เล่นจะได้ 8,9 แต้มในสองใบแรก 
7. แบงเกอร์ไพ่ป๊อก – เจ้ามือจะได้ 8,9 แต้มในสองใบแรก 
8. แบงเกอร์คู่ – เจ้ามือได้ไพ่หน้าเหมือนกันใน 2 ใบแรก 

และมีวิธีการเล่นพื้นฐานสำหรับมือใหม่วงการบาคาร่าดังนี้ 

1. ดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่แจกให้กับฝั่งผู้เล่น และ ฝั่งเจ้ามือฝั่งละ 1 ใบ แบบคว่ำหน้าไพ่เอาไว้ 
2. ให้ผู้เล่นเลือกชิพตามมูลค่าของเงินที่ต้องการลงเดิมพัน 1 ครั้ง 
3. ใหัลงจากนั้นให้นำชิปไปวางลงในช่องของฝั่งผู้เล่น,เจ้ามือ,หรือเสมอ ได้ 1 ช่องภายในเวลาที่กำหนด โดยจะมีเลขเวลานับถอยหลังให้ดูที่มุมหน้าจอ 
4. หากต้องการยืนยันฝั่งที่เดิมพัน ให้กดที่ เครื่องหมายถูก แต่หากเปลี่ยนใจต้องการยกเลิกให้กดที่ X เครื่องหมายกากบาท 
5. เมื่อครบกำหนดเวลาปิดวางเดิมพัน ดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่ใบที่ 2 ให้กับทั้งสองฝั่งและเปิดไพ่ 
6. การนับแต้มมีความคล้ายกับไพ่ป๊อก คือ หากแต้มรวมได้ 0-4 ดีลเลอร์จะทำการจั่วไพ่ใบที่สาม หากผลแต้ม 5-7 ไม่มีการจั่ว และ 8-9 แต้ม ถือว่าไพ่ดีหรือไพ่ป๊อก 
7. ฝั่งไหนได้แต้มมากกว่าเป็นผู้ชนะ โดยระบบสรุปผลแพ้ชนะการเดิมพันกับยอดเงินได้เสียของผู้เล่น และพร้อมเริ่มต้นแทงรอบต่อไป 

หากคุณเลือกฝั่งที่ชนะจะมีอัตราการจ่ายเงินรางวัลที่แตกต่างกันไปดังนี้ 

1. เจ้ามือชนะ – จ่าย 0.95 เท่า
2. ผู้เล่นชนะ – จ่าย 1 เท่า
3. เสมอ – จ่าย 8 เท่า
4. เจ้ามือออกไพ่คู่ – จ่าย 11 เท่า
5. ผู้เล่นออกไพ่คู่ – จ่าย 11 เท่า
6. ทั้งสองฝ่ายได้ไพ่คู่ – จ่าย 25 เท่า
7. ไม่มีไพ่คู่เกิดขึ้น – จ่าย 5 เท่า